ซื้ออาหารทะเลสดอย่างไรให้ได้วัตถุดิบสดใหม่ ปลอดภัย มีคุณภาพ
ผลกระทบของการเลือกซื้ออาหารทะเลที่ไม่มีคุณภาพ
การเลือกซื้ออาหารทะเลสดมีความสำคัญอย่างมากต่อรสชาติและการประกอบอาหาร การเลือกแหล่งจำหน่ายอาหารทะเลที่น่าเชื่อถืออย่างตลาดสดหรือตลาดสดออนไลน์ที่ดีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเลือกซื้ออาหารทะเลได้มากขึ้น แต่หากผู้ซื้อไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิธีเลือกซื้ออาหารทะเลที่ถูกต้อง จะส่งผลกระทบทั้งในด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และรสชาติของอาหารที่ไม่คุณภาพ สำหรับรายละเอียดของผลกระทบต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการขาดความรู้ในการเลือกซื้ออาหารทะเล ดังนี้
1. ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพ - ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากอาหารทะเลที่แฝงการปนเปื้อนด้วยสารเคมีหรือเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากสารปรอทที่มีการสะสมในปลาและสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ
2. ผลกระทบต่อความปลอดภัย - หากไม่ทราบถึงแหล่งที่มาและวิธีการเลือกซื้ออาหารทะเลสด ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดความเสี่ยงจากการถูกหลอกขายอาหารทะเลที่ด้อยคุณภาพ ไม่สดใหม่และไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของวัตถุดิบและการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
3. ผลกระทบต่อรสชาติอาหาร - อาหารทะเลที่ขาดความสดใหม่และไม่มีคุณภาพ จะส่งผลให้รสชาติอาหารเพี้ยน อาหารอาจมีกลิ่นคาวมากกว่าปกติ เนื้อสัมผัสแข็งกระด้าง เละ ไม่นุ่มเด้ง ไม่สามารถเก็บรักษารสชาติของอาหารทะเลได้เหมือนของสดกว่า
วิธีการเลือกซื้ออาหารทะเลสดแต่ละชนิด ให้ได้วัตถุดิบคุณภาพดี
"วัตถุดิบดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" สำหรับร้านอาหารและคนทำอาหาร การเลือกซื้ออาหารทะเลสดมาใช้ในการประกอบอาหาร นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบจากปัญหาสารพิษ แบคทีเรีย และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรคอันตรายต่อผู้ประกอบอาหารและผู้รับประทานแล้ว การรู้วิธีการเลือกซื้ออาหารทะเลสดยังมีส่วนช่วยในเรื่องของความสด อร่อย และรสชาติที่ดี อาหารทะเลมีความแตกต่างกันทั้งในด้านของวิธีการประกอบอาหารและวิธีการเลือกซื้อ เพราะอาหารทะเลแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงความสดใหม่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นปลา กุ้ง หมึก ปู ล้วนมีวิธีการเลือกที่ต้องสังเกตอย่างพิถีพิถัน ดังนี้
1. วิธีการเลือกซื้อปลา - การเลือกซื้อปลาสดมาประกอบอาหารจะช่วยให้ได้เนื้อปลาที่แน่น เนื้อเด้ง มีรสชาติหวานอร่อยตามธรรมชาติ ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและมีโอกาสในการปนเปื้อนของแบคทีเรียน้อยกว่าปลาที่ไม่สด การรู้วิธีเลือกซื้อปลาให้สดสามารถพิจารณาได้ดังนี้
-
กลิ่นของปลา - ปลาสามารถมีกลิ่นคาวได้เล็กน้อย แต่ควรหลีกเลี่ยงในกรณีที่ปลามีกลิ่นคาวมากผิดปกติหรือมีกลิ่นแปลกปลอม
-
ตาของปลา - ตาปลาของต้องมีลักษณะใส ไม่ขุ่น
-
เหงือกของปลา - ปลาที่มีความสด เหงือกของปลาจะมีสีแดงสด ไม่คล้ำ
2. วิธีการเลือกซื้อกุ้ง - การเลือกซื้ออาหารทะเลอย่างกุ้งสดมาใช้ในการประกอบอาหาร ตัวกุ้งจะสัมผัสหลัก ๆ คือเนื้อกุ้งเด้ง กรอบ รสชาติหวานตามธรรมชาติ ทำให้กุ้งสดสามารถเก็บรักษารสชาติได้ดีมากกว่ากุ้งแช่แข็งหรือกุ้งที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมาแล้ว วิธีการเลือกซื้อกุ้งให้สดสามารถพิจารณาได้ดังนี้
-
เปลือกของกุ้ง - เปลือกของกุ้งต้องมีความใสและไม่ขุ่น สามารถมองเห็นเส้นสีดำตรงสันหลังของกุ้งได้อย่างชัดเจน ตัวเปลือกกุ้งแนบติดกับเนื้อไม่หลุดออกมาด้านนอก กุ้งที่มีเปลือกแข็งจะมีเนื้อที่เด้งกว่ากุ้งเปลือกนิ่ม
-
หัวของกุ้ง - ควรเลือกซื้อกุ้งที่ส่วนหัวยังคงความใสอยู่ สีของมันกุ้งติดไปทางสีส้มไม่ใช่สีดำ นอกจากนี้ส่วนหัวของกุ้งต้องติดอยู่กับลำตัว ไม่หลวมจนหลุดหรือห้อยลงมา
-
สีของกุ้ง - สีของกุ้งควรเป็นสีเทาและสีฟ้า หากกุ้งสดมีสีเปลือกติดไปทางสีแดงหรือสีดำแสดงว่าตัวกุ้งไม่มีความสดใหม่ และเริ่มเปลี่ยนสภาพเรื่อย ๆ
-
ก้ามของกุ้ง - กรณีการเลือกซื้อกุ้งแม่น้ำ ควรพิจารณาก้ามของกุ้งเป็นหลักด้วยการเลือกกุ้งที่ยังมีก้ามติดอยู่กับตัว แสดงให้เห็นถึงความสดของตัวกุ้ง
3. วิธีการเลือกซื้อปลาหมึก - การเลือกซื้อปลาหมึกสดที่ดี จะช่วยให้ได้เนื้อปลาหมึกที่มีความสดและกรอบ ช่วยเพิ่มรสสัมผัสในการนำประกอบอาหารโดยเฉพาะประเภททอด ผัดและย่าง วิธีการเลือกซื้อหมึกให้สดสามารถพิจารณาได้ดังนี้
-
ตาของปลาหมึก - ตาของปลาหมึกต้องมีความใส ไม่ขุ่น สามารถมองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจน
-
ส่วนหัวและลำตัวปลาหมึก - ส่วนหัวและส่วนตัวของปลาหมึกต้องอยู่ในสภาพดี คือ ติดกันแน่นและไม่แยกออกจากกัน เนื้อแน่น กดแล้วไม่บุ๋ม
-
เยื่อของปลาหมึก - ปลาหมึกที่ดีต้องมีตัวเยื่อหมึกหุ้มเอาไว้ ไม่ควรเลือกซื้อหมึกที่มีการลอกเยื่อออกไปแล้วเพราะจะทำให้เนื้อปลาหมึกขาดความชุ่มชื้น และแห้งได้ง่ายกว่าเดิม
4. วิธีการเลือกซื้อปู - ปูเป็นอาหารทะเลที่นิยมนำมาประกอบอาหารทันทีที่ได้ทำการซื้อมา เนื่องจากปูที่ตายมานานแล้วเนื้อปูจะแห้งและเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้การใช้ปูสดเหมาะมากกว่าที่จะใช้ทำอาหาร เพราะปูสดมีเนื้อแน่นและชุ่มฉ่ำให้สัมผัสที่ดีกว่า วิธีการเลือกซื้อปูให้ได้ความสดใหม่มากที่สุดสามารถพิจารณาได้ดังนี้
-
เลือกซื้อปูแบบเป็น ๆ - การเลือกซื้อปูควรเลือกซื้อปูแบบเป็น ๆ แบบที่ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากเนื้อปูจะเป็นก้อน มีความแน่น หวาน และอร่อยมากกว่าปูที่ตายแล้ว
-
เลือกจากกลิ่นของปู - กลิ่นของปูต้องไม่มีกลิ่นฉุนของแอมโมเนีย เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วปูที่ตายแล้วและใกล้เน่า จะส่งกลิ่นแอมโมเนียค่อนข้างแรง
5. วิธีการเลือกซื้อปลาแซลมอน - สำหรับสาวกปลาแซลมอน การเลือกใช้แซลมอนที่มีความสดและมีคุณภาพในการประกอบอาหาร จะได้เนื้อแซลมอนที่มีความชุ่มฉ่ำไม่แห้งจนเกินไป วิธีการเลือกซื้อแซลมอนสามารถพิจารณาได้ดังนี้
-
เลือกจากสีของแซลมอน - สีของแซลมอนต้องมีสีส้มปานกลาง ไม่ซืดเหมือนมีสีเทาปนและไม่ส้มจัดจนเกินไป
-
เลือกจากลายของแซลมอน - แซลมอนที่มีความสดใหม่ต้องมีลายของไขมันที่ชัดเจนและเนื้อดูไม่แห้ง หากลายของไขมันดูกระจัดกระจาย แปลว่าเนื้อปลาเริ่มมีความไม่สด
-
เลือกจากกลิ่นของแซลมอน - แซลมอนที่ดีต้องไม่มีกลิ่นแอมโมเนียหรือกลิ่นแปลกปลอม ที่อาจเป็นสารพิษหรือสารตกค้าง
-
เลือกจากการวางจำหน่าย - สำหรับแซลมอนเกรดทานดิบไม่ควรถูกวางขายบนน้ำแข็งโดยตรง เนื่องจากน้ำแข็งอาจมีแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่อันตรายและติดมากับเนื้อของแซลมอน
