ปัญหาและความเดือดร้อนเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารทะเลราคาสูง

ปัจจุบันปัญหาอาหารทะเลมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อจากตลาดสดทั่วไป แผงขายอาหารทะเล และตลาดสดออนไลน์ กลายเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก ซึ่งสาเหตุหลักในการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารทะเลเกิดมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการขนส่งอาหารทะเลสดที่สูงขึ้นโดยเฉพาะค่าน้ำมันที่ผันผวนในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้การขนส่งอาหารทะเลสดซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิพิเศษมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น, ค่าแพคเกจจิ้งที่มีส่วนช่วยในการรักษาความสดใหม่, ต้นทุนในการเก็บรักษาวัตถุดิบก่อนการนำส่งไปยังร้านขายอาหารทะเลและตลาดสด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและมลพิษในท้องทะเลที่ส่งผลให้ปริมาณสัตว์ทะเลลดลง ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคมีการเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะอุปสงค์สูงกว่าอุปทานจนนำไปสู่การขึ้นราคาวัตถุดิบอาหารทะเล

ผลกระทบจากปัญหาในการขนส่งอาหารทะเลสดเหล่านี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับการสั่งซื้ออาหารทะเล ส่วนธุรกิจร้านอาหารและอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารทะเล ต้องมีการปรับราคาขายหรือลดปริมาณของอาหารลง เพื่อเป็นการรักษากำไรของธุรกิจเอาไว้

ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และจัดเก็บที่ส่งผลต่อราคาอาหารทะเล

    ปัญหาราคาอาหารทะเลเพิ่มสูงขึ้นมีผลมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อราคาวัตถุดิบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนส่งผลกระทบไปถึงผู้ประกอบการที่ต้องขายอาหารทะเลในราคาสูง และผู้บริโภคที่ต้องซื้ออาหารทะเลในราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนในการจัดเก็บและขนส่งอาหารทะเลสด เนื่องจากความสดใหม่ของอาหารทะเลมีผลโดยตรงต่อคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค สำหรับปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับต้นทุนในการขนส่งอาหารทะเลสด มีดังนี้

  1. ค่าขนส่ง - การขนส่งอาหารทะเลเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้ยานพาหนะพิเศษที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เช่น รถควบคุมความเย็นหรือตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็น ซึ่งยานพาหนะเหล่านี้มีราคาสูงกว่ารถบรรทุกทั่วไป และที่สำคัญยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง - เนื่องจากระบบทำความเย็นต้องทำงานตลอดเวลา จึงทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ

  • ค่าบำรุงรักษายานพาหนะ - ระบบทำความเย็นต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น

  • ค่าแรงพนักงานขับรถ - คนขับรถต้องมีทักษะเฉพาะในการดูแลระบบทำความเย็น และจัดการสินค้าที่เน่าเสียง่าย จึงอาจมีค่าจ้างที่สูงกว่าพนักงานขับรถขนส่งทั่วไป

  • ค่าประกันภัยการขนส่ง - เนื่องจากสินค้าอาหารทะเลมีความเสี่ยงในการเน่าเสียสูง ทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยสูงตามไปด้วย

  • ค่าใช้จ่ายในการวางแผนเส้นทาง - ต้องมีการวางแผนเส้นทางอย่างรัดกุมเพื่อลดระยะเวลาการขนส่งและประหยัดพลังงาน

  1. ค่าบรรจุภัณฑ์ - อาหารทะเลจำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษที่สามารถรักษาความสดและป้องกันการปนเปื้อน ซึ่งมีราคาสูงกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป ดังนี้

  • กล่องโฟมคุณภาพสูง - ช่วยรักษาอุณหภูมิและป้องกันการกระแทก

  • ถุงพลาสติกเกรดอาหาร - ป้องกันการปนเปื้อนและรักษาความชื้น

  • ภาชนะพลาสติกแข็ง - สำหรับอาหารทะเลที่ต้องการการป้องกันเป็นพิเศษ

  • แผ่นเจลทำความเย็น - ช่วยรักษาอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง

  • ฉลากและบาร์โค้ดพิเศษ - ทนต่อความชื้นและอุณหภูมิต่ำ

  • บรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ - ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา

  1. ค่าระบบทำความเย็น - การจัดเก็บและการขนส่งอาหารทะเลสด จำเป็นต้องใช้ระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องหลายด้าน ดังนี้

  • ค่าติดตั้งห้องเย็นหรือตู้แช่แข็ง - รวมถึงค่าอุปกรณ์ ค่าแรงติดตั้ง และค่าระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ

  • ค่าบำรุงรักษา - ต้องมีการตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ

  • ค่าไฟฟ้า - ระบบทำความเย็นใช้พลังงานไฟฟ้าสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน

  • ค่าสารทำความเย็น - ต้องมีการเติมและเปลี่ยนสารทำความเย็นเป็นระยะ

  • ค่าระบบสำรองไฟฟ้า - จำเป็นต้องมีเพื่อป้องกันความเสียหายในกรณีไฟฟ้าดับ

  • ค่าอุปกรณ์ตรวจวัดและบันทึกอุณหภูมิ - เพื่อให้มั่นใจว่าอุณหภูมิอยู่ในระดับที่เหมาะสมตลอดเวลา

  1. ค่าแรงงาน - การจัดการอาหารทะเลต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ ซึ่งอาจมีค่าจ้างที่สูงกว่าแรงงานทั่วไป ดังนี้

  • ค่าจ้างพนักงานคัดแยกคุณภาพ - ต้องมีความเชี่ยวชาญในการประเมินความสดของอาหารทะเล

  • ค่าจ้างพนักงานบรรจุ - ต้องทำงานได้อย่างรวดเร็วและถูกสุขอนามัย

  • ค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมคุณภาพ - เพื่อตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้า

  • ค่าฝึกอบรมพนักงาน - เพื่อให้พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการอาหารทะเลอย่างถูกต้อง

  • ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ หมวกคลุมผม และชุดกันความเย็น

  • ค่าประกันสุขภาพพนักงาน - เนื่องจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดอาจส่งผลต่อสุขภาพ

  1. ค่าประกันภัย - เนื่องจากอาหารทะเลมีมูลค่าสูงและเสี่ยงต่อการเน่าเสีย การทำประกันภัยสำหรับอาหารทะเลจึงมีค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย ดังนี้

  • ค่าเบี้ยประกันภัยสินค้า - ครอบคลุมความเสียหายระหว่างการขนส่งและจัดเก็บ

  • ค่าเบี้ยประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก - ในกรณีที่เกิดปัญหากับระบบทำความเย็น

  • ค่าเบี้ยประกันภัยความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ - ป้องกันความเสี่ยงจากการฟ้องร้องหากเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหาร

  • ค่าที่ปรึกษาด้านการประกันภัย - เพื่อวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ค่าตรวจสอบคุณภาพ - การรักษามาตรฐานคุณภาพของอาหารทะเลต้องมีการลงทุนในระบบตรวจสอบคุณภาพที่ทันสมัย ดังนี้

  • ค่าอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิแบบไร้สาย เครื่องวัดความสด และเครื่องตรวจจับโลหะ

  • ค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ - นักวิทยาศาสตร์อาหารหรือนักจุลชีววิทยา

  • ค่าทดสอบในห้องปฏิบัติการ - สำหรับการตรวจสอบการปนเปื้อนและคุณค่าทางโภชนาการ

  • ค่าระบบตรวจสอบย้อนกลับ - เพื่อติดตามแหล่งที่มาและเส้นทางการขนส่งของสินค้า

  • ค่าใบรับรองคุณภาพ - จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น HACCP หรือ ISO

  1. ค่าจัดการของเสีย - การจัดการอาหารทะเลที่เน่าเสียหรือไม่ได้มาตรฐานต้องดำเนินการอย่างรัดกุมและมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนี้

  • ค่ากำจัดของเสีย - ต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อป้องกันการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม

  • ค่าขนส่งของเสีย - ไปยังสถานที่กำจัดที่ได้รับอนุญาต

  • ค่าอุปกรณ์จัดเก็บของเสีย เช่น ถังขยะพิเศษที่ป้องกันกลิ่นและการรั่วไหล

  • ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการจัดการของเสียอย่างถูกวิธี

  • ค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมการกำจัดของเสียตามที่กฎหมายกำหนด

การเลือกซื้ออาหารทะเลจากตลาดสี่มุมเมืองที่มีการควบคุมมาตรฐาน

    ตลาดสี่มุมเมืองเป็นตลาดสดที่มีการจำหน่ายวัตถุดิบในการประกอบอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ อาหารแห้ง รวมไปถึงอาหารทะเลคุณภาพดีส่งตรงจากทะเล ด้วยความตั้งใจในการส่งมอบวัตถุดิบคุณภาพดีให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการทุกท่าน ทางเราจึงมีการคัดเลือกวัตถุดิบ ควบคุมมาตรฐาน และตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบทุกประเภทที่มีการนำมาจำหน่ายภายในร้านค้าของตลาดสี่มุมเมือง นอกจากนี้ที่ตลาดสี่มุมเมืองยังมีระบบการขนส่งที่รวดเร็วปลอดภัย สามารถขนส่งอาหารทะเลสดจากแหล่งเพาะเลี้ยงมายังตลาดได้แบบสดใหม่ และมีการตั้งราคาในการจำหน่ายสอดคล้องกับการรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ 

สำหรับลูกค้าหรือผู้ประกอบการที่สนใจสั่งซื้ออาหารทะเลคุณภาพดี สามารถเดินทางมาเลือกซื้อได้ด้วยตัวเองที่ตลาดสี่มุมเมืองหรือสั่งซื้อได้ที่ตลาดสดออนไลน์สี่มุมเมืองผ่านเว็บไซต์ เรามีบริการจัดส่งอาหารทะเลสดส่งถึงบ้านอย่างรวดเร็วภายในวันที่สั่งซื้อ มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบอาหารทะเลที่ได้จะมีความสดใหม่ ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย พร้อมสำหรับการนำไปประกอบอาหารเพื่อรับประทานได้อย่างเพลิดเพลิน